.................มนุษย์ส่วนใหญ่ชอบเพ่งโทษบุคคลอื่นๆ ลงความเห็นเปรียบเทียบ ว่าเขาเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ เอาความชอบใจหรือความต้องการของตัวเองเป็นหลัก โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองนั่นแหล่ะที่กำลังหลงอยู่ ถึงแม้นจะเป็นผู้ปฏิบัติธรรมก็ตาม สายไหนก็ตาม เมื่อสติ เมื่อปัญญา มันติด มันหลง มันก็วนอยู่ตรงนั้นแหล่ะไปไหนไม่ได้ ไม่ว่าใครจะทัดทานอย่างไรหรือชี้ทางบอกว่า มันติด มันหลงอยู่นะ ก็ไม่สนใจ ไม่เชื่อ เพราะอิทธิพลแรงดึงดูดของกิเลส อวิชชา มันมีมากกว่า ความทะยานอยากแห่งตัวตนมันมีสูงกว่า......( ภวตัณหา )........ จะเป็นใครก็ช่าง ถ้าปัญญามันเจริญไม่ได้ เข้าสู่มหาสติที่รู้ตัวทั่วพร้อมไม่ได้ เข้าถึงจิตที่รวมใหญ่ไม่ได้ จิตยังแยกตัวออกมาเป็นอิสระไม่ได้ มันก็ยังเป็นปัญญาทางโลกอยู่ ยังต้องอาศัยเหตุสมมุติทางปัญญาจากแหล่งอื่นๆ.........( สังขตธรรม )........ ยังใช้หลักเหตุผลนำทางอยู่ หาได้เกิดจากสติปัญญาโดยตรงจากจิตใจเอง ถึงแม้นจะรู้ข้อธรรมมากมายจากภายนอกนั้น มันก็เกิดจากการจดจำแล้วก็คิดด้วยหลักเหตุผลว่าเมื่อรู้แล้ว เข้าใจแล้วมันคงเป็นไปได้ตามที่รู้มานั้น นั่นมันยังเป็นความคิดทั้งนั้น จิตเขาไม่ได้ฮื้อไม่ได้อือออด้วย จิตมันยังไม่ได้เป็นไปตามสิ่งที่รู้นั้น ยังไม่เกิดการกระทำที่มากพอจะทำให้เกิดผล ผลมันยังไม่ได้เกิดการรู้เห็นเองที่จิตเลย ผลของมันจริงๆสำหรับผู้ที่ปฏิบัติฝึกฝน มันจะถูกบันทึกแสดงอยู่ที่จิตเลย ใครได้มโนสัมผัสจะกระทบรู้ทันที ว่าใครปฏิบัติมาหรือท่องจำมาจิตมันจะแสดงให้รู้หมด...................
...............จิตของผู้ที่ฝึกฝนดีแล้ว มีกำลังแล้วได้ฌาญได้ญาณมันจะรู้เลย ว่าคนที่กำลังพูดหรือกำลังสื่อสารอยู่นั้น เขาพูดออกมาจากจิตใจ.... ภาวนามยปัญญา....หรือจากการจดจำที่รู้มาท่องมาจากแหล่งอื่นๆ..สุตมยปัญญา จินตมยปัญญา..........นี่คือผลของมัน การรู้ การจำ มันเป็นสิ่งดีถ้านำสิ่งนั้นไปปฏิบัติเสียให้เข้าใจ ให้เข้าถึง ให้ผลมันแสดงออกมา แต่คนส่วนใหญ่ชอบข้อธรรมที่มันสำเร็จรูปแล้ว แค่เอามาท่อง มาจำ แล้วก็เอาไปพูดต่อได้ สอนคนอื่นๆได้ มันง่ายดี สะดวกสบาย ไม่ต้องมานั่งปฏิบัติฝึกฝนให้เสียเวลาให้ลำบาก .......... เมื่อเหตุมันเป็นดังนี้ ผลมันจึงไม่ส่งผลให้เกิดการลดละปล่อยวางที่จิต สัญญาต่างๆจึงผูกมัดพันธนาการท่วมท้นอยู่ในจิตและยึดเอาไว้อย่างเหนียวแน่น กลัวลืม กลัวจำไม่ได้ กลัวเสียหน้า กลัวถูกลดคุณค่าบทบาททางสังคมและอีกสารพัดกลัวที่จิตใจมันไปยึดโยงอยู่ ซึ่งเกิดจากอวิชชาทั้งนั้น ............ผู้ปฏิบัติฝึกฝน ย่อมแจ้ง ในวิถีที่แสดงไปตามธรรมชาติของมัน ว่างอยู่ในความมี.................ที่มา : ชมรมจิตสู่จิต
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น